งานศพ > สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อมีคนเสียชีวิต
คำแนะนำเกี่ยวกับ สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อมีคนเสียชีวิต
ควรทำอย่างไรเมื่อมีคนเสียชีวิต
เมื่อเพื่อนหรือคนที่คุณรักเสียชีวิต หรือคาดว่าจะเสียชีวิตในไม่ช้า ช่วงเวลานี้มีอาจจะเป็นช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเครียดมาก โศกเศร้า และยังต้องมีเรื่องต่างๆมากมายที่จะต้องทำ ต้องดูแล และคุณกำลังแสดงความรับผิดชอบในการทำหน้าที่เตรียมงานศพ สำหรับคนที่คุณห่วงใย
รายละเอียดเบื้องต้นต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้ง่ายขึ้น โดยเราจะอธิบายขั้นตอนการจัดงานศพ ตั้งแต่การโทรแจ้งเมื่อมีคนเสียชีวิต ไปจนถึงการดูแลเรื่องการเงินและการบริหารที่ต้องจัดการเกี่ยวกับงานศพ คุณสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ ค่าใช้จ่ายงานศพ หรือ ขอคำแนะนำจากเราในการจัดงานศพได้
ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอน การสวดอภิธรรม และ ฌาปนกิจ | เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ แพคเกจรับจัดงานศพ
การเตรียมจัดงานศพเมื่อระยะเวลาใกล้เข้ามา
-
หากความตายเกิดขึ้นแล้วและคุณไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ให้ดูรายการตาม แบบฟอร์มในการเตรียมงานศพ ซึ่งจะช่วยให้คุณเรียบเรียงข้อมูลที่จำเป็นได้
-
หากเพื่อนหรือคนที่คุณรักป่วยหนักและคาดว่าจะเสียชีวิตในเวลาไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์ ให้พิจารณาเตรียมจัดงานศพล่วงหน้า
-
การเตรียมงานศพล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมและสำรวจตัวเลือกต่างๆทั้งหมดได้ และก็มีแนวโน้มที่จะข่วยประหยัดเงินของคุณ
-
ติดต่อผู้ให้บริการรับจัดงานศพ หรือ จะดำเนินการเองก็ได้ โดยติดต่อสถานที่ และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น
สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อมีคนเสียชีวิต ขั้นตอนแรก คือ การมีสติ และแจ้งตาย

เมื่อผู้ป่วยเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้ากรณีเสียชีวิตในโรงพยาบาล แพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยก่อนจะเสียชีวิตจะเป็นผู้ออกหนังสือรับรองการตายให้ไว้กับญาติเป็นหลักฐาน เพื่อใช้ประกอบในการแจ้งตาย (ขอใบมรณบัตร) โดยบุคคลที่มีหน้าที่ในการแจ้งตายในกรณีนี้ได้แก่ โรงพยาบาลซึ่งอยู่ในฐานะเจ้าบ้าน หรือ ญาติไปดำเนินการแจ้งการตายแทน โดยระยะเวลาในการแจ้งตาย จะต้องทำการแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เวลาที่เสียชีวิต โดยให้แจ้งยังเขตท้องที่นั้นๆ โดยมีหลักฐานที่ต้องนำไปแสดง ได้แก่
-
บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งการตาย
-
บัตรประจำตัวประชาชนของคนตาย (ถ้ามี)
-
หนังสือรับรองการตาย (ทร ๔/๑) ที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลออกให้
-
สำเนาทะเบียนบ้านที่คนตายมีชื่ออยู่ (ถ้ามี)
เมื่อมีคนเสียชีวิตที่บ้าน ต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้ามีคนเสียชีวิตในบ้าน อย่าพึ่งเคลื่อนย้ายศพ สิ่งที่ต้องทำ คือ ติดต่อยังบุคคลที่เป็นเจ้าบ้านที่มีการเสียชีวิต ให้เป็นผู้มีหน้าที่แจ้งการตาย แต่หากไม่มีเจ้าบ้าน ก็ให้ผู้พบศพเป็นคนแจ้งตาย (เจ้าบ้านสามารถมอบหมายคนอื่นแทนได้) การแจ้งตายกรณีนี้จะต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เวลาตาย หรือเวลาพบศพ โดยให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เพื่อขอใบรับแจ้งความ/บันทึกประจำวัน และประสานงานไปทางโรงพยาบาลเพื่อให้มาชัณสูตร (รับรองสาเหตุของการตาย) และนำใบรับแจ้งความที่ได้ไปติดต่อสำนักงานเขตเพื่อออกใบมรณบัตร
- ในท้องที่อำเภอต่างจังหวัด ให้แจ้งต่อผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจะออกหลักฐานรับการแจ้งตาย (ทร 4 ตอนหน้า) ให้แล้วค่อยเอาเอกสารนี้ไปแจ้งนายทะเบียนที่เทศบาลเพื่อขอให้ออกใบมรณบัตรอีกครั้ง
- ในเขตเทศบาล และในกรุงเทพฯ ให้ไปแจ้งการตายที่งานทะเบียนของสำนักงานเขตเลย (ไม่มี ทร 4 ตอนหน้า)
และเตรียมหลักฐานที่ต้องนำไปแสดง ได้แก่
-
บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งการตายหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
-
ประจำตัวประชาชนของผู้เสียชีวิต (ถ้ามี)
-
ใบรับการแจ้งตาย (ทร ๔ ตอนหน้า) ที่ผู้ใหญ่บ้านออกให้ (ถ้ามี)
-
สำเนาทะเบียนบ้านที่ผู้เสียชีวิตมีชื่ออยู่ (ถ้ามี)
-
พยานบุคคล เช่น เพื่อนบ้าน
ตัวอย่าง ขั้นตอนที่ต้องทำเมื่อมีผู้เสียชีวิต - การเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ขั้นตอนที่ 1: ทำใบมรณบัตร ใช้ใบรับรองแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิต เตรียมบัตรประชาชนตัวจริงของผู้เสียชีวิต และผู้แจ้ง ทะเบียนบ้านตัวจริง ติดต่อเจ้าหน้าที่ห้องนิรมัย (ถ้ามี) หรือแผนกพยาธิวิทยา/นิติเวช (แล้วแต่กรณี) เพื่อนำเอกสาร และชุดสำหรับใส่ให้ผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่ (เรื่องฉีดน้ำยารักษาสภาพ จำเป็นต้องฉีดไหมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะสวดพระอภิธรรมกี่วัน หรือ ฌาปนกิจเลย)
หมายเหตุ: ห้องนิรมัย ในโรงพยาบาลจะทำหน้าที่ให้บริการเคลื่อนย้ายศพจากหอผู้ป่วย/ห้องฉุกเฉิน เก็บรักษาศพ ฉีดยารักษาศพ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการขอรับศพ ออกเลขกำกับหนังสือรับรองการตาย บันทึกทะเบียนผู้เสียชีวิต แจ้งขอใบมรณบัตรศพไม่มีญาติ จำหน่ายศพไม่มีญาติอำนวยความสะดวกในการจัดการศพให้แก่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หรือเจ้าหน้าที่จากรพ.ต่างๆที่มารับร่างผู้เสียชีวิตที่มอบให้โรงพยาบาล หรือศพที่บริจาคร่างกายและอวัยวะเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
** ในเวลาราชการ เมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต พยาบาลหอผู้ป่วยโทรแจ้งที่ห้องนิรมัย ให้มารับศพเพื่อเก็บรักษาที่ห้องนิรมัยหลังจากผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง พยาบาลจะสอบถามญาติผู้เสียชีวิต ว่าต้องการฉีดยารักษาสภาพศพหรือไม่ พร้อมบันทึกรายละเอียดลงในใบกำกับศพ พนักงานรักษาศพจะตรวจสอบชื่อ สกุลว่าตรงในใบกำกับศพหรือไม่พร้อมบันทึกลงในใบตรวจสอบคุณภาพห้องนิรมัย และให้พยาบาลลงชื่อผู้ส่งมอบศพ
** นอกเวลาราชการ พยาบาลหอผู้ป่วยแจ้งศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย(เวรเปล) เพื่อรับศพนำมาเก็บที่ห้องนิรมัย โดยศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยจะโทรแจ้งพนักงานรักษาศพเพื่อมาร่วมเคลื่อนย้ายศพ พร้อมตรวจสอบรายละเอียดใบกำกับศพ โดยกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน บันทึกลงในใบตรวจสอบคุณภาพห้องนิรมัย จากนั้นพนักงานรักษาศพ จะตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับศพ ใบกำกับศพและใบรับรองการตายแล้วลงบันทึกประจำวัน
การติดต่อรับศพ
1. ผู้มีสิทธิรับศพ ญาติ หรือทายาทโดยชอบธรรม ตามลำดับที่กฎหมายกำหนด ได้แก่
ลำดับที่ 1 บุตร คู่สมรส หรือบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย
ลำดับที่ 2 พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน
ลำดับที่ 3 พี่น้องร่วมบิดา หรือมารดาเดียวกัน
ลำดับที่ 4 ปู่ ย่า ตา ยาย
ลำดับที่ 5 ลุง ป้า น้า อา
กรณีที่ไม่มีทายาทข้างต้น ให้ขอหนังสือรับรองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่นั้นๆ ว่าเป็นศพไร้ญาติ
2. ผู้มีสิทธิรับศพ ติดต่อสำนักงานเขตภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อขอใบมรณบัตร โดยต้องเตรียมหลักฐาน พร้อมสำเนาอย่างละ 2 ชุด ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนผู้ตาย สำเนาทะเบียนบ้านผู้ตาย สำเนาบัตรประชาชนผู้แจ้งตาย และหนังสือรับรองการตาย
3. ผู้มีสิทธิรับศพนำหลักฐานสำเนาใบมรณบัตร สำเนาหนังสือรับรองการตาย สำเนาบัตรประชาชนผู้ตาย สำเนาทะเบียนบ้านผู้ตาย หรือหนังสือแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรผู้ตาย และสำเนาบัตรประชาชนผู้รับศพ อย่างละ 1 ชุด พร้อมเขียนใบคำร้องขอรับศพ ติดต่อขอรับศพที่ ห้องนิรมัย
ขั้นตอนที่ 2: ติดต่อวัดเพื่อจองศาลา (ใช้เอกสารใบมรณบัตร) ติดต่อรถ/หีบศพ เพื่อเคลื่อนย้าย เตรียมรูปถ่าย/กรอบรูป หลังจากทำเรื่องขอรับศพ แล้วจึงค่อยทำการเคลื่อนย้ายศพไปวัด
หมายเหตุ: อาจมีการนิมนต์พระสงฆ์ระหว่างการเคลื่อนย้าย และมีการจุดธูปบอกว่าจะพาย้ายไปวัดชื่อ... และถือกระถางธูประหว่างทางไปวัด โดยส่วนมากแล้วทางวัดจะให้ทำการเคลื่อนย้ายเข้าไปตั้งหีบศพเพื่อรอทำพิธีรดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรม หลังจาก 14.00 น. ซึ่งหากทำพิธีรดนำศพ ทางเจ้าหน้าที่จะยังไม่ทำการมัดตราสังข์ หลังจากรดน้ำศพเรียบร้อยแล้วจึงทำพิธีบรรจุหีบก่อนเริ่มทำการสวดพระอภิธรรม
ขั้นตอนที่ 3: เจ้าภาพควรประมาณจำนวนแขก เพื่อจัดเตรียมของชำร่วย และอาหารรับรองตามความเหมาะสม โดยค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งก็จะขึ้นกับจำนวนวัน และจำนวนแขกที่มาร่วมงาน โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมได้
ขั้นตอนที่ 4: ตั้งศพในศาลา และทำพิธีรดน้ำศพ (ขึ้นกับความต้องการของเจ้าภาพ) หากต้องการรดน้ำศพ ให้ใช้พวงมาลัยที่ใส่ข้อมือ เป็นดอกมะลิ/กุหลาบ น้ำอบ ดอกไม้ และเตรียมผ้าห่มคลุมศพ และดอกไม้ตกแต่งเพิ่มเติม และทำพิธีขอขมาเป็นลำดับถัดไปก่อนที่จะบรรจุร่างลงหีบศพ
ขั้นตอนที่ 5: ตั้งศพบำเพ็ญกุศลและพิธีสวดพระอภิธรรม ตามที่เจ้าภาพมีความประสงค์ เช่น กำหนดให้มีการสวดพระอภิธรรมจำนวน 3 คืน ซึ่งในแต่ละคืนจะนิยมนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 4 รูป และเริ่มสวดเวลา 18.30 หรือ 19.00 (แล้วแต่วัด) และเจ้าภาพถวายเครื่องไทยธรรมพระสงฆ์
หมายเหตุ: ในระหว่างนี้จะมีการเตรียมอาหารไหว้ศพตลอดพิธี
ขั้นตอนที่ 6: วันงานฌาปนกิจ โดยมากแล้วจะมีการถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์จำนวน 10 รูป จากนั้นจะถวายเครื่องไทยธรรม และมีการแสดงธรรมเทศนาก่อนเริ่มพิธีฌาปนิจในช่วงบ่ายหรือตอนเย็น โดยมีพิธีกรช่วยในการดำเนินพิธี
ขั้นตอนที่ 7: เก็บอัฐิ ในวันรุ่งขึ้น ให้เจ้าภาพเตรียมโกฐ ลุ้ง(สำหรับลอยอังคาร) พร้อมสิ่งของเครื่องใช้ในการประกอบพิธี เช่น ผ้าขาว ดอกไม้ น้ำอบ จากนั้นจึงนำอัฐิไปดำเนินการต่อตามความต้องการ เช่น นำไปไว้ที่บ้าน หรือ นำไปประกอบพิธีลอยอังคาร

รับฟรี
แบบฟอร์มและคู่มือในการเตรียมงานศพ
ขั้นตอนเมื่อมีคนเสียชีวิต - การเคลื่อนย้าย
สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม
- ฉีดยารักษาสภาพศพและทำความสะอาดร่าง
- จองวัดและศาลา สำหรับสวดพระอภิธรรม
- ติดต่อซื้อโลงศพ
- ขนย้ายศพจากสถานที่ถึงแก่กรรมไปยังบ้านหรือศาลาวัดที่สวดศพ เพื่อจัดพิธีรดน้ำศพ
- เตรียมรูปถ่ายของผู้ละสังขารสำหรับงานบำเพ็ญกุศล ซึ่งควรเป็นรูปขนาดใหญ่ ใส่กรอบเรียบร้อยเป็นรูปที่สุภาพ สง่างาม ควรแก่การจดจำ
- เตรียมของที่ระลึกสำหรับผู้มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลและงานฌาปนกิจ นิยมแจกหนังสือประวัติ ผู้ถึงแก่กรรมและหนังสือธรรมะ
- ติดต่อสั่งทำหรือซื้ออาหารและน้ำดื่มสำหรับต้อนรับแขกที่มาร่วมงานบำเพ็ญกุศล
- เตรียมเครื่องดื่มสำหรับพระสงฆ์ (ปานะ) ผ้าบังสุกุล เครื่องไทยธรรม ดอกไม้ธูปเทียน ปากกา ซองเปล่า กล้องถ่ายรูป และที่ฉีดละอองน้ำสำหรับเพิ่มความสดชื่นให้กับพวงหรีด
การทำความสะอาดร่าง
ปกติแล้วมักจะดำเนินการโดยลูกหลานและญาติใกล้ชิด ด้วยการอาบน้ำอุ่นให้ก่อนแล้วล้างด้วยน้ำเย็น ฟอกสบู่ขัดถูร่างกายศพให้สะอาด จากนั้นใช้น้ำขมิ้นทาทั่วร่างกายศพและประพรมน้ำหอม จากนั้นแต่งกาย ตามฐานะของผู้ตายหรือสวมชุดขาวให้ โดยใช้เสื้อผ้าที่สะอาดและใหม่ที่สุด แล้วเชิญร่างขึ้นนอนบนเตียงเพื่อรอรับการรดน้ำศพต่อไป
แจ้งข่าวการละสังขาร
จัดทำบัตรเชิญงานศพแก่หมู่ญาติ เพื่อนสนิท มิตรสหาย และบุคคลผู้รู้จักคุ้นเคย โดยจะสั่งทำจาก ร้านที่รับบริการแบบด่วนทันใจ เสร็จภายในวันเดียวหรือบอกกล่าวด้วยวาจาผ่านทางโทรศัพท์ก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีวิธีการอื่นๆ เช่น ส่งจดหมายอิเลคทรอนิคส์ (อีเมล์) ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (SMS) หรือประชาสัมพันธ์ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์
การแจ้งตายและขอใบมรณบัตร
หากถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาล
ทางโรงพยาบาลจะออกใบรับรองแพทย์ให้ เพื่อเป็นหลักฐาน แสดงเหตุและพฤติการณ์ตาย แล้วนำใบรับรองแพทย์พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เสียชีวิตไปยังสำนักทะเบียนท้องถิ่น หรือที่ทำการเขต/อำเภอ ในพื้นที่ที่โรงพยาบาลนั้นตั้งอยู่ เพื่อขอรับใบมรณบัตร
โรงพยาบาลบางแห่งจะออกใบมรณบัตรให้เอง หรือช่วยดำเนินการให้เพื่ออำนวยความสะดวก โดยญาติของผู้เสียชีวิตจะต้องนำทะเบียนบ้านไปที่โรงพยาบาลด้วย
หากถึงแก่กรรมตามธรรมชาติที่บ้าน
เจ้าของบ้านจะต้องแจ้งตายต่อเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนท้องถิ่น แพทย์ประจำตำบล ผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในเขตที่บ้านเรือนนั้นตั้งอยู่ หรือแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจนั้น เพื่อออกบันทึกประจำวันให้ แล้วนำบันทึกประจำวันนั้นไปยื่นต่อที่ทำการเขตหรืออำเภอ เพื่อขอใบมรณบัตร
การแจ้งตายและขอใบมรณบัตร
หากถึงแก่กรรมเนื่องจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม
เจ้าของบ้านจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาชันสูตรศพทำหลักฐานการเสียชีวิต ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแพทย์ยังมิได้ตรวจศพห้ามเคลื่อนย้ายศพ หรือทำให้ศพเปลี่ยนสภาพ หรือนำยามาฉีดศพ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแพทย์ ได้ตรวจชันสูตรศพแล้ว ญาติผู้เสียชีวิตจะต้องไปขอหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งขอใบชันสูตรศพจากแพทย์ เพื่อนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนท้องถิ่น ในการขอใบมรณบัตร โดยแจ้งด้วยว่าจะนำศพไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดใด
การจัดพิธีรดน้ำศพ
หากผู้ละสังขารเป็นผู้ใหญ่ของตระกูลและบ้านมีอาณาบริเวณกว้างขวางเพียงพอ อาจจัดสถานที่สำหรับพิธีรดน้ำศพที่บ้านก็ได้ หรือจัดพิธีรดน้ำศพและบำเพ็ญกุศลที่วัด โดยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของวัด เพื่อเตรียมการ ดังนี้
สถานที่รดน้ำศพ
โต๊ะหมู่บูชา
• ทำความสะอาดพระพุทธรูปด้วยผ้าสะอาด จากนั้นจึงทำความสะอาดเครื่องประกอบโต๊ะหมู่
• ตั้งโต๊ะหมู่ไว้ด้านศีรษะของร่างผู้ละสังขาร หันหน้าไปทางทิศใดทิศหนึ่ง ยกเว้นทิศตะวันตก
(ดูความเหมาะสมของสถานที่เป็นหลัก)
• ตั้งโต๊ะหมู่ไว้สูงกว่าเตียงรองร่างผู้ละสังขารพอสมควร
• จัดเครื่องสักการบูชาให้ประณีตที่สุด (ดอกไม้ ธูป เทียน)
ที่ตั้งเตียงรองร่างผู้ละสังขาร
• ตั้งกึ่งกลางบริเวณพื้นที่กว้าง โดยตั้งไว้ด้านซ้ายของโต๊ะหมู่บูชา
• หันด้านขวามือหรือด้านปลายเท้าของผู้ละสังขารให้ชี้ไปยังผู้มาแสดงความเคารพ
• ไม่ควรเดินผ่านศีรษะของร่างผู้ละสังขาร
• จัดร่างให้นอนหงายเหยียดยาว แขนและมือขวาเหยียดออกห่างจากลำตัวเล็กน้อย
โดยให้วางมือหงายแบเหยียดออกคอยรับการรดน้ำ อาจนำพวงมาลัยคล้องมือผู้ละสังขารไว้ก็ได้
• ใช้ผ้าแพรสีทองคลุมปิดร่างไว้ทั้งหมด เปิดเฉพาะใบหน้าและมือขวาของร่างเท่านั้น
• จัดเตรียมขันโตกหรือขันน้ำพานรองขนาดใหญ่ตั้งไว้คอยรองรับน้ำที่รดศพ
พร้อมทั้งเตรียมน้ำอบ น้ำหอม และขันหรือถ้วยใบเล็ก สำหรับตักน้ำให้แก่ผู้มารดน้ำ
พิธีกรรมช่วงรดน้ำศพ
วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรดน้ำศพ มีดังนี้
ศพคฤหัสถ์
• หากเป็นศพผู้มีอาวุโสกว่าตน ผู้รดน้ำควรนั่งคุกเข่าแล้วน้อมตัวลงยกมือไหว้ พร้อมกับนึกขอขมาลาโทษต่อศพนั้น
• ถือภาชนะสำหรับรดน้ำด้วยมือทั้งสอง เทรดลงที่ฝ่ามือขวาของศพ
• รดน้ำศพเสร็จแล้ว น้อมตัวลงยกมือไหว้ พร้อมกับนึกอธิษฐานว่า
“ข้าพเจ้าขออุทิศบุญที่ได้เคยทำมาแด่ท่าน และพร้อมกับบุญที่ท่านสั่งสมมาดีแล้ว ขอท่านจงไปสู่สุคติเถิด”
ศพพระภิกษุหรือสามเณร (เรียกว่าสรงน้ำศพ)
• สุภาพบุรุษนั่งคุกเข่าในท่าเทพบุตร (ตั้งฝ่าเท้าชันขึ้นแล้วนั่งลงบนส้นในขณะที่ปลายเท้าจรดพื้น)
ส่วนสุภาพสตรีนั่งท่าเทพธิดา (คุกเข่าโดยฝ่าเท้าราบไปกับพื้น) กราบ 3 ครั้ง พร้อมกับนึกน้อมขอขมาลาโทษ
• ถือภาชนะสำหรับรดน้ำด้วยมือทั้งสอง เทน้ำรดลงที่ฝ่ามือของศพ
• กราบ 3 ครั้ง
การบรรจุร่างลงหีบ
หลังเสร็จพิธีรดน้ำผู้ละสังขารแล้ว จะเป็นการบรรจุร่างลงหีบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสัปเหร่อที่จะทำตาม ประเพณีของท้องถิ่น โดยเจ้าภาพจะคอยอำนวยความสะดวก
คำแนะนำเพิ่มเติม เมื่อมีผู้เสียชีวิต
** การโทรแจ้งครั้งแรก
ทำการโทรแจ้ง โดยติดต่อไปยังหน่วยงาน หรือ คนที่เหมาะสม ก่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตออกจากสถานที่ และเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ต้องการ เช่น วัด หรือ หน่วยงานที่รับบริจาคร่างกาย
การโทรแจ้ง
-
แจ้งสถานีตำรวจ เมื่อมีคนตายและการตายที่ไม่ทราบสาเหตุ
-
แจ้งแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หากเสียชีวิตที่สถานพยาบาล
-
แจ้งสมาชิกในครอบครัว หรือ ตัวแทนทางกฎหมาย หากผู้เสียชีวิตได้วางแผนการจัดงานศพไว้ล่วงหน้า
-
แจ้งผู้ให้บริการรับจัดงานศพ หรือ Funeral Director เพื่อดำเนินการแทนคุณ
หมายเหตุ การเสียชีวิตที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ต่อไปนี้ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ
• การเสียชีวิตตามลำพัง – ไม่มีแพทย์อยู่ร่วมในช่วงเวลาเสียชีวิตหรือเป็นระยะเวลาต่อเนื่องก่อนที่จะเสียชีวิต
• แพทย์ไม่สามารถระบุสาเหตุของการเสียชีวิตได้
• สงสัยเป็นการฆาตกรรม
• สงสัยว่าฆ่าตัวตาย
• เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
• สถานการณ์ที่น่าสงสัยหรือผิดปกติ
• ความตายที่เกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการแพทย์
• ความตายเนื่องจากอาหาร, สารเคมีหรือยาพิษ
• สงสัยว่าเสียชีวิตเนื่องจากสาเหตุการประกอบอาชีพ
• สงสัยว่าเสียชีวิตเนื่องจากโรคติดต่อซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
• ความตายจากการจมน้ำ, ไฟไหม้, ฯลฯ
• ความตายเกิดขึ้นขณะอยู่ในคุกหรืออยู่ในความดูแลของตำรวจ
• สงสัยว่าการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของทารก
โดยให้เตรียมรายละเอียดข้อมูลไว้เบื้องต้น ได้แก่
ข้อมูลของผู้ที่เสียชีวิต
-
ชื่อผู้เสียชีวิต
-
ภูมิลำเนา และที่อยู่ของผู้เสียชีวิต
-
หมายเลขประกันสังคม และเลขประจำตัวประชาชน ของผู้เสียชีวิต
-
เวลาที่เสียชีวิต
-
ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัย เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต
-
สถานที่ที่เสียชีวิต และตำแหน่งศพในปัจจุบัน
-
มีแพทย์ประจำตัวที่ดูแล (ถ้ามี)
ข้อมูลของผู้ที่ติดต่อ
-
ชื่อของคุณ
-
ที่อยู่อาศัยของคุณ
-
ข้อมูลติดต่อของคุณ
-
ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้เสียชีวิต
** การเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต (การเคลื่อนย้ายศพ)
ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องทำการติดต่อหน่วยงานต่างๆ หากมีเงื่อนไขอื่นๆที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ติดต่อสถานกงศุลเพื่อส่งศพข้ามประเทศ ซึ่งในสังคมปัจจุบันนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่เสียชีวิตในเมืองหนึ่งแล้วจะต้องถูกย้ายไปที่อื่นเพื่อดำเนินการต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีฝังศพหรือเผาศพ เนื่องจากการเสียชีวิตอาจเกิดขึ้นได้จากหลายเหตุผล ซึ่งอาจจะไม่ได้เสียชีวิตที่บ้านหรือที่โรงพยาบาล ตัวอย่างเช่น อาจเสียชีวิตในขณะที่บุคคลนั้นเดินทางในช่วงวันหยุด หรือ ขณะที่ออกไปทำงานที่อื่น นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวต่างชาติที่อาจเกษียณแล้ว และย้ายที่อยู่ แต่จะถูกส่งกลับไปยังบ้านประเทศบ้านเกิดเพื่อดำเนินพิธีศพ (การส่งศพข้ามประเทศ) ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเสียชีวิตที่ใดก็ตาม การเตรียมการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปยังสถานที่ปลายทาง ในกรณีส่วนใหญ่จะกระทำโดยให้ผู้อื่นจัดการ เช่น ผู้ให้บริการจัดงานศพ หรือ ผู้ที่ขายโลงศพ หากต้องการส่งศพข้ามประเทศ ก็จะต้องคำนึงถึงกฎระเบียบที่ใช้กับการขนส่ง โดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการส่งศพข้ามประเทศเหล่านี้จะรู้วิธีดำเนิน และให้คำแนะนำได้อย่างดี
"ในการเคลื่อนย้ายศพแต่ละครั้งก็จะนำมาสู่ค่าใช้จ่าย ดังนั้นคุณควรวางแผนการเคลื่อนย้าย และดูระยะทางไว้ด้วย และในบางครั้งหากใช้ระยะเวลาในเดินหากนาน คุณก็อาจจะต้องขนส่งร่างผู้เสียชีวิตด้วยการแช่แข็ง หรือ ใช้ความเย็นด้วย"
** วิธีการขนส่ง
ร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกขนส่งอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้นอยู่ไกลจากสถานที่ปลายทางมากแค่ไหน และผู้ให้บริการขนส่งจะต้องเดินทางไป/กลับอย่างไร ซึ่งการขนส่งทางพื้นดิน ทั้งทางรถ ทางรถไฟ จะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าขนส่งทางเครื่องบิน (การขนส่งทางเครื่องบินต้องแต่งศพ และแช่แข็ง ซึ่งต้องตรวจสอบเงื่อนไขของสายการบินก่อนทุกครั้ง) นอกจากนี้ในการขนส่งระหว่างประเทศจะต้องมีเอกสารและข้อบังคับที่ต้องปฎิบัติตาม ซึ่งกฎเกณฑ์และข้อบังคับของแต่ละประเทศสามารถสอบถามได้ที่สถานฑูต หรือกงสุล
ข้อมูลที่คุณจะต้องใช้เมื่อติดต่อเรื่องการขนส่ง หรือ เคลื่อนย้ายศพ
-
ชื่อผู้เสียชีวิต
-
ที่อยู่ปลายทาง - ที่อยู่ / เมือง / จังหวัด / รหัสไปรษณีย์ / หมายเลขโทรศัพท์
-
หมายเลขประกันสังคมของผู้เสียชีวิต / หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
-
วันและเวลาตาย
-
ตำแหน่งปัจจุบัน (ต้นทาง) - ที่อยู่ / เมือง / จังหวัด / รหัสไปรษณีย์ / หมายเลขโทรศัพท์
-
ชื่อของคุณ
-
คุณอาศัยอยู่ที่ไหน - ที่อยู่ / เมือง / จังหวัด / รหัสไปรษณีย์ / หมายเลขโทรศัพท์
-
ความสัมพันธ์กับผู้ตาย
** มีแผนล่วงหน้าสำหรับการจัดงานศพไว้แล้วหรือไม่
หากผู้เสียชีวิตได้ทำแผนจัดงานศพไว้ล่วงหน้าแล้ว ให้ติดต่อผู้ให้บริการตามที่ได้ระบุไว้ และคุยถึงรายละเอียดในพิธีต่างๆเพิ่มเติม เช่น พิธีฝังศพ พระราชทานเพลิงศพ เป็นต้น หากไม่มีการวางแผนล่วงหน้าไว้ เพื่อน หรือญาติในครอบครัวก็อาจจะต้องดำเนินการเองทั้งหมด หรือ สามารถให้บริษัท หรือผู้ให้บริการรับจัดงานศพ เข้ามาช่วยดูแลได้
** การเตรียมสถานที่ ได้แก่ วัด ฌาปนกิจ โบสถ์ สุสาน
หากผู้เสียชีวิตต้องการทำพิธีทางศาสนาพุทธ ให้ติดต่อวัดที่ต้องการ และเตรียมข้าวของเครื่องใช้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องขั้นตอนการสวดพระอภิธรรม) หากผู้เสียชีวิตจะถูกฝังและยังไม่ได้ซื้อสุสาน ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ของสุสาน เพื่อเลือกซื้อหลุมฝังศพ หรือ แม้แต่ซื้อช่องสำหรับใส่โกศที่บรรจุเถ้ากระดูก (อัฐิ)
** เครื่องใช้ หรือ สิ่งของสำหรับงานศพ
สิ่งของที่ต้องเตรียมในงานศพ เช่น รูปผู้เสียชีวิต ดอกไม้งานศพ พวงหรีด โลงศพ โกศ ของที่ระลึก ของชำร่วยงานศพ แม้กระทั่งของว่าง หรือ อาหารงานศพ โดยเลือกและซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็นก่อน เพื่อช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย
** การจัดการมรดก
เรื่องพินัยกรรม ทรัพย์สินการเงิน และ การบริหารอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียชีวิตจะต้องเป็นไปตามลำดับ การจัดการมรดกเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ก่อนการประกาศการเสียชีวิตไปจนถึง
การยื่นขอสิทธิประโยชน์ภายหลังการเสียชีวิตเพื่อเปลี่ยนชื่อของสินทรัพย์ของผู้เสียชีวิตเป็นชื่อญาติพี่น้อง

ในการจัดงานศพ ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง
หากมีผู้เสียชีวิต และคุณไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ลองเข้าไปดูรายการตาม แบบฟอร์มในการเตรียมงานศพ นะครับ เพราะว่าแบบฟอร์มนี้อาจจะช่วยให้คุณเรียบเรียงข้อมูลที่จำเป็นได้แบบไม่ตกหล่น แต่อย่างไรก็ตาม ในแบบฟอร์มที่เราเตรียมไว้ให้นี้ จะเป็นหัวข้อเรื่องรวมๆ ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะให้ความสำคัญในแต่ละหัวข้อไม่เหมือนกัน นอกจากนี้อย่าลืมเรื่องความคิดเห็นของญาติพี่น้อง หรือ ญาติผู้ใหญ่ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจในหลายๆด้าน ดังนั้นก่อนทำอะไรก็ควรสรุปและหาข้อตกลงร่วมกันก่อนที่จะดำเนินการนะครับ
วิธีการจัดงานศพ
การฝังศพ / การเผาศพ / การบริจาคร่างกาย
ประเภทของพิธี
-
ผู้เสียชีวิตเลือกบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาล ก็อาจจะแจ้งคนในครอบครัว จัดพิธีส่วนตัวเฉพาะญาติ และคนสนิท
-
จัดงานศพตามพิธีทางศาสนา
ของใช้ระหว่างการประกอบพิธีทางศาสนา ตัวอย่าง เช่น
-
ของใช้ที่ต้องเตรียมสำหรับการเคลื่อนย้ายไปที่วัด
1. กระถางธูป พร้อมผงธูป หรือ ทรายแก้ว
2. รูปภาพที่จะตั้งหน้าศพ ผ้าคลุมศพ เสื้อผ้าผู้ตาย
3. ธูปพิธี ( ธูปยาว ) ธูป (ยาวธรรมดา ) เทียนเหลือง ไหว้พระ เทียนขาว ไหว้ศพ ดอกไม้ มาลัย
( ควรไหว้ ศาลพระภูมิ ของโรงพยาบาลด้วย ) ถ้าเสียที่บ้าน ไหว้เจ้าที่ที่บ้านด้วย
4. สายสิญจน์
5. ตะเกียงนำทาง (ตะเกียงโป๊ะ ) พร้อมน้ำมันก๊าซ
6. สังฆทาน ถวายพระภิกษุ
7. ญาติๆจัดเตรียมเสื้อผ้า ชุดดำ-ขาว
-
ของใช้ที่ต้องเตรียมเมื่อถึงที่วัด
1. ด้ายแดง ไหมแดง
2. ลูกอม เช่น ฮอลล์ โอเล่ย์ ฮาร์ทบีท
3. ซองซิป (แบบซองใส่ยา )
4. ซองขาวเป็นปึกๆ
5. ธูป สำหรับไหว้พระ
6. ธูป สำหรับ เคารพศพ
7. ธูป พิธี เป็นธูปยาว ต่อไว้ อย่าให้ดับ
8. เทียนเหลือง ไหว้พระ
9. เทียนขาว จุดหน้าศพ
10. เตรียมการของชำร่วย เนื่องจาก ของบางอย่าง ต้องใช้เวลาเตรียมแต่เนิ่นๆ หรือ ต้องสั่งตัดสติ๊กเกอร์แปะ
11. อาหาร - เครื่องดื่ม รับแขก รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องเขียน จำเป็นมาก แต่มักลืมกัน เช่น ปากกา ดินสอ คัตเตอร์ กรรไกร สก๊อตเทป กาว สมุดจด
12. จัดเตรียม เหรียญโปรยทานงานศพ , ซองใส่เงินไว้ จำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจเล็กน้อย ให้คนส่งพวงหรีด หรือ เจ้าหน้าที่วัดที่มาช่วยงาน
13. จดรายการ ของที่จะทำบุญ ในคืนสวดต่างๆ เช่น สังฆทาน ผ้าไตร หรือ กระดาษไหว้ต่างๆ แบบคนจีน
14. จดรายการ ของที่จะเตรียม ในพิธีเผา เช่น ดอกไม้จันทน์ มีทั้ง ช่อเชิญ ช่อประธาน และ ช่อเล็กๆ ของแขกที่มาร่วมงาน
ของชำร่วยต่างๆ หรือ ถ้ามีการบวชหน้าไฟ ต้องเตรียมชุดบวช
15. หลังพิธีแล้ว ก็จะมีการเก็บอัฐิ เตรียม ผ้าขาว น้ำอบ ดอกไม้สด โกศ ลุ้งลอยอังคาร
เงินที่ใช้จัดพิธีศพ
-
เงินเก็บ เงินฌาปนกิจสงเคราะห์
-
เงินประกัน
-
เงินกู้
คำถามทั่วไปเกี่ยวกับการจัดงานศพ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่มีเงินจ่ายสำหรับงานศพ?
-
งานศพมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และคนส่วนมากไม่ได้เตรียมเงินไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม คุณอาจมองหาความช่วยเหลือจาก มูลนิธิ หน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอาศัยอยู่ที่ไหน และสถานการณ์ทางการเงินของคุณเป็นอย่างไร
ต้องโทรหาตำรวจเมื่อมีคนตายที่บ้านหรือไม่?
-
คุณอาจไม่ต้องโทรแจ้งตำรวจเมื่อมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสาเหตุแห่งความตาย
จำเป็นจะต้องมีงานศพหรือไม่?
-
คุณไม่จำเป็นต้องมีงานศพก็ได้ สำหรับบางคนก็เลือกที่จะบริจาคร่างกาย ซึ่งก็ขึ้นกับตัวคุณเองทั้งหมด