top of page
ค้นหา

การอาบน้ำศพ และการรดน้ำศพ

อัปเดตเมื่อ 4 ก.พ. 2564

การอาบน้ำศพ

การอาบน้ำศพ ถือเป็นเรื่องภายในครอบครัว ระหว่างญาติมิตรที่สนิท ไม่นิยมเชิญบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นการอาบน้ำชำระร่างกายศพจริง ๆ โดยการอาบน้ำอุ่นก่อนแล้วค่อยอาบด้วยน้ำเย็นฟอกด้วยสบู่ขัดถูร่างกายศพให้สะอาด

เมื่ออาบน้ำศพเสร็จแล้วให้เอาน้ำขมิ้นทาตามร่างกายตลอดถึงฝ่าเท้า แล้วประด้วยน้ำหอม จากนั้นก็แต่งตัวให้ศพตามฐานะ เช่น เป็นข้าราชการ ก็นิยมแต่งเครื่องแบบ เป็นต้น เครื่องแต่งตัวนั้นนิยมใช้เสื้อผ้าที่สะอาดและ ใหม่เท่าที่มีอยู่ หลังจากนั้นนำศพขึ้นนอนบนเตียงสำหรับรอพิธีรดน้ำศพตามประเพณีนิยม


การรดน้ำศพ

นิยมจัดตั้งพระประจำวันเกิดของผู้วายชนม์พร้อมจุดธูปเทียนบูชาไว้ด้านศีรษะศพ เพื่อรอการรดน้ำศพจากผู้มาร่วมพิธีรดน้ำศพ ให้ตั้งโดยหันด้านศีรษะศพไปทางโต๊ะหมู่บูชาพระรัตนตรัย ทั้งนี้ห้ามมิให้ผู้ใดเดินผ่านทางด้านศีรษะของศพ เพราะถือว่าเป็นกิริยาอาการที่ไม่แสดงความเคารพต่อศพ


จัดร่างศพให้นอนหงายเหยียดยาว โดยใช้ผ้าห่มหรือผ้าแพรคลุมตลอดร่างศพ เปิดไว้เฉพาะหน้าและมือขวาของผู้วายชนม์ และจัดมือให้เหยียดออก คอยรับการรดน้ำจากผู้ที่เคารพนับถือ จัดเตรียมขันใส่น้ำอบ และโรยกลีบดอกไม้ไว้ด้านข้าง พร้อมทั้งขันเล็กๆ เพื่อไว้ให้บุตรหลานหรือทายาทตักน้ำให้ผู้ที่มีความประสงค์จะมารดน้ำศพ เพื่อการขมาศพ และจึงจัดเตรียมภาชนะสำหรับรองรับน้ำที่รด จากนั้นก่อนพิธีรดน้ำศพ ควรให้เจ้าภาพจุดเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัยก่อน แล้วจึงเริ่มพิธีรดน้ำศพ


เมื่อผู้มีเกียรติที่มาแสดงความเคารพศพด้วยการรดน้ำศพหมดแล้ว ถ้าได้รับพระราชทานน้ำอาบศพ ให้เชิญผู้อาวุโสที่อยู่ในที่นั้น เป็นผู้แทนรดน้ำศพพระราชทาน ซึ่งถือเป็นลำดับสุดท้ายของพิธีรดน้ำศพ เมื่อทำพิธีรดน้ำศพพระราชทานแล้วถือเป็นเสร็จพิธีรดน้ำศพ ไม่สามารถให้ผู้หนึ่งผู้ใดรดน้ำศพอีก ต่อจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้รับหน้าที่ดำเนินการนำศพลงหีบ เพื่อกระทำพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป


เมื่อนำศพลงโลงหรือโกศแล้ว บางเจ้าภาพจะให้มีการทอดผ้าบังสุกุล (ส่วนใหญ่ จะเป็นผ้าไตรจีวรหรือสบงตามฐานะ) เพื่อให้พระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุล ซึ่งเรียกว่า บังสุกุลปากหีบ หรือบังสุกุลปากโกศ (ซึ่งจะนิมนต์พระสงฆ์เพื่อการนี้เท่าใดก็ได้ไม่มีกำหนด โดยทั้่วไป 1 รูป แต่ถ้าเป็นพิธีของหลวง มักจะนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป)


เมื่อพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลเรียบร้อยแล้ว นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 4 รูป สวดพระอภิธรรม ต่อจากพิธีบังสุกุลปากหีบ หรือปากโกศทันที โดยปฏิบัติดังนี้

  1. เมื่อพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลปากหีบ หรือปากโกศ ลงจากอาสน์สงฆ์แล้ว

  2. พิธีกรตั้งตู้พระธรรม เบื้องหน้าอาสนสงฆ์ของพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม

  3. แต่งตั้งเครื่องนมัสการพระธรรม

  4. นิมนต์พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม จำนวน 4 รูป ขึ้นอาสนสงฆ์

  5. เชิญเจ้าภาพหรือประธานพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระธรรม

  6. พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป สวดพระอภิธรรม จำนวน 1 จบ (ถ้าเจ้าภาพประสงค์จะให้สวดจนครบ 4 จบ ก็ได้) ในกรณีสวด 1 จบ เมื่อได้เวลาสวดพระอภิธรรมตามที่วัดกำหนด จะสวดต่ออีก 3 จบ ก็ทำได้ หรือเจ้าภาพจะให้นิมนต์สวดตามเวลาของวัดก็ย่อมได้เช่นกัน

การจัดสถานที่ตั้งศพ

การจัดสถานที่ตั้งศพนั้น จะต้องประกอบด้วยสถานที่สำคัญและอุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับ

พิธีงานศพ ดังนี้

  1. สถานที่ตั้งโต๊ะหมู่บูชาพระรัตนตรัย ตั้งไว้ทางด้านศีรษะของศพ

  2. สถานที่ตั้งอาสน์สงฆ์สำหรับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ตั้งไว้ทางด้านซ้ายของโต๊ะหมู่บูชา (เว้นไว้แต่สถานที่บังคับไม่อาจจะตั้งอาสน์สงฆ์ไว้ทางด้านซ้ายของโต๊ะหมู่บูชาได้)

  3. สถานที่ตั้งศพ ให้ตั้งหันด้านศีรษะของศพไปทางโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูป

  4. สถานที่ตั้งเครื่องราชอสริยาภรณ์ นิยมตั้งไว้เบื้องหน้าหีบหรือโกศศพ หรือหน้ารูปถ่ายของศพโดยการนำโต๊ะหมู่มาจัดตั้งให้เหมาะสมและสวยงาม

  5. สถานที่ตั้งรูปถ่าย นิยมตั้งไว้ทางด้านเท้าของผู้ตาย

  6. สถานที่ตั้งหรือการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ให้ศึกษาในพิธีงานอวมงคลตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว

ดู 12,512 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page